จิ๊กกี้

วันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ปักครอสติซเป็นของขวัญ




การปักครอสติชไม่ยากอย่างที่คิดค่ะ ถ้ารู้เทคนิคและขั้นตอน ทางทีมงานจึงได้รวบรวมขั้นตอนและเทคนิคในการปักครอสติชมาให้เพื่อนนักปักมือใหม่ได้ศึกษากันก่อนค่ะ หากมีข้อสงสัยหรือปัญหาในการปักครอสติชก็โพสต์มาถามกันที่กระดานข่าวได้นะคะ ทางทีมงานยินดีตอบทุกปัญหาค่ะ แต่หากมีกูรูหรือผู้เชี่ยวชาญงานฝีมือท่านใดผ่านมาจะตอบเพื่อเป็นวิทยาทานก็จะขอบพระคุณมากค่ะ คำถามที่โพสต์มา ทีมงานจะรวบรวมมาไว้ในบทความนี้อีกครั้งหนึ่งด้วยค่ะ

สำหรับงานฝีมืออื่นๆ ทางทีมงานจะพยายามศึกษาและรวบรวมมาให้สมาชิกได้อ่านกันเรื่อยๆนะคะ

ขอให้ครอสติสได้เป็นส่วนหนึ่งจากสิ่งต่างๆ มากมายที่จะทำให้คุณมีความสุขตลอดไปค่ะ

การเตรียมผ้าปักครอสติช
1. นับจำนวนช่องลายที่ปักทั้งแนวตั้งและแนวนอน ตัวอย่างเช่น นับจำนวนช่องทั้งหมดในแบบปักได้ 160 x 200 (แนวนอนนับได้ 160 ช่อง แนวตั้งนับได้ 200 ช่อง)
2. หาจุดกึ่งกลางทั้งแนวตั้งและแนวนอนของแบบปัก (ซึ่งจะสังเกตได้จากสัญลักษณ์ที่เป็นลูกศรในผังลายปัก) ตัวอย่างเช่น ในแบบปักเป็น 160 x 200 ช่อง จุดกึ่งกลางแนวนอนจะเป็นช่องปักที่ 80 และจุดกึ่งกลางแนวตั้งจะเป็น 100 จุดกึ่งกลางของลายปักจะอยู่ที่ 80 x 100 หรือบล็อคที่ 8 x 10
3. พับทบมุมผ้าทั้งสี่ด้าน เมื่อคลี่ออกจะเห็นรอยตัดกันบนผ้า นั่นคือ จุดกึ่งกลางของผ้า (ซึ่งเทียบได้กับจุดกึ่งกลางของลายปัก) ใช้สีเมจิกที่ซักออกได้จุดไว้ หรือใช้เข็มร้อยด้ายเนาแทงขึ้นมาคุณก็จะได้จุดกึ่งกลางของผ้าปัก

ในการปักแต่ละครั้ง ไหมหนึ่งเส้นจะแบ่งเป็นเส้นเล็กๆได้ 6 เส้น การปักไขว้ปกติจะใช้ไหมครั้งละ 2 เส้นเล็ก (แต่บางลายอาจจะระบุให้ปักไขว้โดยใช้ไหม 1 เส้นเล็กก็มีค่ะ แต่จะเป็นบางสีเท่านั้น ดังนั้นจึงควรดูคำแนะนำในการปักของแต่ละลายด้วยนะคะ) หากเป็นสัญลักษณ์ไหมผสมใช้สีละ 1 เส้นเล็ก ปักเดินเส้น จะใช้ครั้งละ 1 เส้นเล็ก (หรือตามที่ระบุในผังลาย)

วิธีปักครอสติชแบบต่างๆ

1.ปักไขว้แนวตั้ง

สัญลักษณ์ที่เรียงต่อกันเป็นแนวตั้งควรปักโดยเริ่มแทงเข็มที่ 1 แทงลงที่ 2 แทงขึ้นที่ 3 แทงลงที่ 4 และแทงขึ้นที่ 5 ไปเรื่อยๆ เมื่อสุดแถวแล้วปักย้อนกลับ เช่น เมื่อสุดแถวที่ตำแหน่งที่ 8 แทงเข็มขึ้นที่ 9 แทงลงที่ 6 แทงขึ้นที่ 7 ไปเรื่อยๆ

2.ปักไขว้แนวนอน

แทงเข็มขึ้นที่ตำแหน่งที่ 1 แทงลงที่ 2 แทงขึ้นที่ 3 และแทงลงที่ 4 ไปเรื่อยๆ จนหมดแถว เมื่อสุดแถวแล้วปักย้อนกลับ

3.ปักทางเดียว (half stitch)

การปักทางเดียวเพื่อให้ดูเป็นภาพจางๆเหมือนอยู่ไกล การปักเหมือนการปักไขว้เพียงแต่ไม่ต้องปักย้อนกลับ

4.การปัก 3/4 ช่อง

มักจะเป็นการปักบริเวณขอบภาพหรือบริเวณตา โดยเริ่มแทงเข็มขึ้นที่ 1 แทงลงที่ 2 และแทงลงที่ 4 ซึ่งตำแหน่งที่ 4 นี้จะไม่ตรงตามรูผ้าแต่จะเป็นกลางช่องผ้า

5.การปัก 1/4 ช่อง

มักจะเป็นการปักบริเวณขอบภาพหรือบริเวณตา หรือช่วงรอยต่อระหว่างสี 2 สี การปักให้แทงเข็มขึ้นที่ช่องผ้าตรงรูผ้า และแทงลงตรงกลางช่องผ้า

6.การปักเดินเส้น

โดยปกติจะใช้ไหมครั้งละ 1 เส้นเล็ก เป็นการปักที่เหมือนด้นถอยหลัง แต่ระยะของไหมปักจะไม่จำกัดว่าเป็นหนึ่งช่องผ้า ขึ้นอยู่กับว่าในแบบปักต้องการให้เส้นพาดไปถึงบริเวณใด หากเป็นแนวเส้นตรงไม่ควรปักแนวยาว ควรปักไปที่ละช่อง หรือสองช่องผ้าเพราะหากปักข้ามยาวเกินไป ไหมจะหย่อนได้ง่าย

7.การปักปมฝรั่งเศส

วิธีปักให้เริ่มแทงเข็มขึ้นจากด้านล่างของผ้าที่จุด A ใช้มือซ้ายยึดเส้นไหมไว้ วางเข็มลงเหนือเส้นไหมและพันไหมรอบเข็ม 3 ครั้งตามเข็มนาฬิกา มือซ้ายยังคงยึดเส้นไหมไว้ แล้วแทงเข็มลงให้ใกล้กับจุด A (แต่ไม่ใช่จุดเดิม) มือซ้ายยังคงยึดเส้นไหมอยู่เพื่อช่วยผ่อนไหม แล้วดึงเข็มกลับลงมาทางด้านหลังผ้า

มาเล่นโยคะกันเถอะ




โยคะกับสุขภาพ การปฏิบัติโยคะอย่างถูกต้องและครบถ้วนสมดุล ผู้ปฏิบัติย่อมได้รับผลดีทั้งในระบบโครงสร้าง ระบบพลังงาน และระบบสั่งการอย่างทั่วถึง โดย ชีวิตจะได้รับการปรับระดับเสียใหม่ จากที่เคยเฉื่อยชา เซื่องซึม มาเป็นกระฉับกระเฉง ตื่นตัว แจ่มใส และคล่องแคล่วว่องไว การที่ี่จะปฏิบัติโยคะอย่างถูกเทคนิควิธี เข้าถึงความสมบูรณ์ของท่วงท่าและหลีกเลี่ยงความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นผู้ปฏิบัติจะต้องมีจิตใจที่ี่ตื่นตัวและละเอียดอ่อน สังเกตแต่ละขณะแห่งการเคลื่อนไหว การหยุด ต้องมีจิตใจที่มั่นคง
เมื่อเพียรปฏิบัติโยคะอย่างสม่ำเสมอแล้วจิตใจย่อมได้รับการพัฒนาให้มั่นคงตื่นตัวนั่นคือคุณสมบัติของจิตที่มีสมาธิ จิตที่เข้มแข็งทำให้สามารถเผชิญกับปัญหาต่างๆ หรือโรคภัยนั้นอย่างเข้มแข็ง และสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว อันหมายถึงการมีสุขภาพดีอย่างแท้จริงท่าลดหน้าท้อง เมื่อเพียรปฏิบัติโยคะอย่างสม่ำเสมอแล้ว จิตใจย่อมได้รับการพัฒนาให้มั่นคงตื่นตัว นั่นคือคุณสมบัติของจิตที่มีสมาธิ จิตที่เข้มแข็ง ทำให้สามารถเผชิญกับปัญหาต่างๆ หรือโรคภัยนั้นอย่างเข้มแข็ง และสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว อันหมายถึงการมีสุขภาพดีอย่างแท้จริงท่าลดหน้าท้อง
ท่าลดหน้าท้อง ของโยคะมีหลายชุด สัปดาห์นี้มีมาให้ผู้หญิงที่รักสวยรักงามได้ลองฝึกกันอีกหนึ่งท่าค่ะ
ประโยชน์
* ช่วยฝึกกำลังและลดไขมันหน้าท้องและเอว
* ช่วยให้กล้ามเนื้อหลังแข็งแรง
* บริหารต้นขา ลดไขมันต้นขา
วิธีปฏิบัติ
1. นอนหงาย มือประสานกันใต้ศีรษะ เท้าชิด
2. หายใจเข้า หายใจออก ยกลำตัว ยกขาซ้ายขึ้น 45 องศา ขาตรง ไม่งอเข่า เกร็งหน้าท้อง ไม่กลั้นหายใจ ค้างไว้ หายใจเข้า-ออก 5–10 วินาที ลดลง
3. หายใจเข้า หายใจออก ยกขาขวา ยกลำตัว หายใจเข้า-ออก 5–10 วินาที แล้วลดลง ทำซ้ำอีก 2-3 ครั้ง
4. หายใจเข้า หายใจออก ยกทั้งสองขาและลำตัว ค้างไว้หายใจเข้าออก 10 วินาที แล้วลดลง

วันจุดบั้งไฟตะไลล้านบ้านกุดหว้า 16 พฤษภาคม 2553

บุญบั้งไฟตะไลล้านบ้านกุดหว้า 15 พฤษภาคม 2553

การดูแลผิวหน้า

6 เทคนิคการดูแลผิวหน้าด้วยผลไม้

ทุกวันนี้ผิวโดนทำร้ายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแสงแดด หรือมลภาวะต่างๆ ถึงเวลา Back to the nature เพิ่มเติมความสดใสคืนสู่ผิวกันแล้วนะจ๊ะ สำหรับหนุ่มสาวที่อยากหน้าใสสวยเด้ง ฟังทางนี้ โบว์ มี 6 สูตรมาร์คหน้าง่ายๆ ที่จะทำให้หน้าขาวใส มาฝากกันโดยใช้ผลไม้มาเป็นส่วนประกอบหลัก
1.สูตรหน้าใสด้วยน้ำผึ้งผสมมะนาว
ส่วนผสม: น้ำผึ้ง 1 ถ้วย
น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
วิธีทำ: ผสมน้ำผึ้งกับน้ำมะนาวให้เข้ากัน นำมานวดให้ทั่วใบหน้าประมาณ 15 นาที หลังจากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด
• มะนาว จะช่วยขจัดเซลล์ผิวเช่นเดียวกับครีมที่ผสมกรด AHA ส่วนน้ำผึ้งจะทำให้ผิวหน้านุ่มและชุ่มชื้น
2. สูตรหน้าใสด้วยแอปเปิ้ล
ส่วนผสม: แอปเปิ้ล ปอกเปลือกแล้วคว้านเอาเฉพาะเนื้อ
น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ: นำเนื้อแอปเปิ้ลมาปั่นรวมกับน้ำผึ้ง ทาให้ทั่วใบหน้าแล้วนวดเบาๆ ทิ้งไว้ 15 นาที หลังจากนั้นล้างออกด้วยน้ำเย็น
• สูตรนี้จะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกไป เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า ทำให้ใบหน้าดูสดใสเปล่งปลั่ง อีกด้วย
3. สูตรกระชับรูขุมขน
ส่วนผสม: กล้วยหอม แตงกวาหรือมะเขือเทศ เลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่งปอกเปลือก เอาเมล็ดออกให้หมดแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
น้ำผึ้งหรือนมเปรี้ยว
วิธีทำ: ใช้กล้วยหอม แตงกวาหรือมะเขือเทศก็ได้ เติมน้ำผึ้งหรือนมเปรี้ยว นำไปปั่นให้ละเอียดจนเป็นเนื้อครีม นำมาพอกให้ทั่วใบหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น
• สูตรนี้จะ ช่วยทำความสะอาดใบหน้า และกระชับรูขุมขนและบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น
4. สูตรครีมทำความสะอาดผิวหน้า (Cleanser)
ส่วนผสม: โยเกิร์ต ½ ถ้วย
น้ำมันดอกทานตะวัน
มะนาวสด1½ ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ: ผสมโยเกิร์ต น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมะนาวสดให้เข้ากัน นำมาพอกให้ทั่วหน้าประมาณ 5 นาที ทุกเช้าและก่อนนอน แล้วจึงล้างออก ด้วยน้ำสะอาด

• สูตรนี้ใช้ได้กับทุกสภาพผิว จะช่วยทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างล้ำลึก และบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นอีกด้วย
5. สูตรสาวผิวแห้ง มอยเจอร์ไรเซอร์จากกล้วย
ส่วนผสม: กล้วย 1 ผล
น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ: บดกล้วยกับน้ำผึ้ง ผสมให้เข้ากัน นำมาพอกให้ทั่วใบหน้าทิ้งไว้ 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น จะทำให้ผิวหน้าชุ่มชื้นขึ้น
• สูตรนี้เหมาะกับผิวแห้ง
6. สูตรพอกหน้าใสจากแตงกวา
ส่วนผสม: แตงกวา 1 ผล หั่นแตงกวาเป็น ชิ้นบางๆ
ไข่ไก่ 1 ฟอง(ใช้เฉพาะไข่ขาว)
น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ: นำแตงกวา ไข่ไก่(ใช้เฉพาะไข่ขาว)และมะนาว ไปปั่นจนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน นำมาพอกให้ทั่วใบหน้า เว้นรอบปากและดวงตา ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วจึงล้างหน้าตามปกติ หมั่นทำบ่อยๆ ทุกสัปดาห์ จะช่วยลดความมันส่วนเกิน และยังช่วยกระชับรูขุมขน ผิวหน้าจะ ดูเนียนเรียบและชุ่มชื้น
• เหมาะสำหรับผิวมันและผิวผสม

แบคที่เรียก่อโรคในอาหาร















ในปัจจุบัน ด้วยสภาพทางเศรษฐกิจ และวิถีการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ประชาชนผู้บริโภคต้องใช้ชีวิตอยู่นอกบ้านมากขึ้น หลายคน หลายครอบครัวมีความจำเป็นต้องพึ่งพาอาหารนอกบ้าน ประเทศไทยเองด้วยพื้นฐานของการเป็นประเทศเกษตรกรรม ซึ่งส่งผลต่อเนื่องถึงการเป็นประเทศผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์ด้านอาหารมากในลำดับต้นๆ ของโลก แต่ปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นและมีผลกระทบอย่างมาก คือ การที่อาหาร หรือผลิตภัณฑ์อาหารนั้นมีการปนเปื้อนของเชื้อต่างๆ หรือเน่าเสีย ซึ่งส่งผลกระทบทั้งต่อตัวผู้บริโภคที่ต้องรับประทานอาหารนอกบ้านทุกวันแล้ว ต่อภาคเศรษฐกิจ การส่งออกอาหาร ก็กระทบและสูญเสียเงินเป็นมูลค่าหลายล้านบาทต่อปี
จากการศึกษาพบว่า ปัญหาเรื่องการปนเปื้อนของเชื้อในอาหาร หรือการที่อาหารเน่าเสียนั้น มีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งมีคนจำนวนสิบถึงยี่สิบล้านคนนี้เสียชีวิตจากแบคทีเรียก่อโรคที่ปนเปื้อนอยู่ในน้ำ นอกจากนี้แบคทีเรียก่อโรคที่อยู่ในน้ำยังก่อให้เกิดการติดเชื้อในมนุษย์แต่ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตมากกว่าสองร้อยล้านคนต่อปี เดิมการตรวจสอบการปนเปื้อนของจุลินทรีย์จะใช้เวลาประมาณสองวัน เพื่อการเตรียมตัวอย่างและการวิเคราะห์ทางชีวเคมี แต่ในปัจจุบันการผลิตในระดับอุตสาหกรรมนั้นมีความรวดเร็ว และต้องการตรวจสอบการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพภายในระยะเวลาอันสั้น ซึ่ง ดร. กมลวรรณ ธรรมเจริญ นักวิจัย ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ศึกษาวิจัยการใช้อนุภาคนาโนกึ่งตัวนำในการตรวจหาแบคทีเรียแบบรวดเร็ว ที่สามารถแสดงผลการตรวจวัดจุลินทรีย์ได้อย่างรวดเร็ว โดยอนุภาคนาโนกึ่งตัวนำที่ใช้ในการศึกษา คือควอนตัมดอต หรือหมุดควอนตัม (กลุ่มของผลึกขนาดนาโนเมตร) ซึ่งเป็นอนุภาค อนินทรีย์ระดับนาโนที่สามารถให้แสงฟลูออเรสเซนต์ได้ (nanophosphor) โดยสารที่ได้มาจะเป็นสารสกัดจากสิ่งมีชีวิต และเป็นสารที่มีความเสถียรสูง ควอนตัมดอตมีความสามารถในเลือกจับกับโมเลกุลในเชิงชีววิทยา เช่น เซลล์แบคทีเรียก่อโรคบางชนิด โดยงานวิจัยนี้มุ่งเน้นที่จะพัฒนาวิธีการในการวิเคราะห์แบคทีเรียจนถึงระดับที่สามารถนับจำนวนแบคทีเรียได้ สามารถเก็บข้อมูลและตรวจวัดได้ตามระยะเวลาจริง ทั้งยังใช้เวลาในการประมวลผลสั้นกว่าวิธีการดั้งเดิม มีความไวและความสามารถในการเลือกตรวจจับสูง ซึ่งงานวิจัยนี้จะส่งผลให้มีอุปกรณ์ตรวจวัดด้านจุลินทรีย์ที่มีความรวดเร็ว และแม่นยำสูง อันจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมอาหาร และการส่งออกอาหารของไทย เพื่อเป็นการทดสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์ด้านอาหารก่อนที่จะมีการส่งออก ให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน เป็นการเน้นย้ำว่า ประเทศไทยเป็นครัวของโลกอย่างแท้จริง